สร้างครอบครัวอย่างไรจึงจะเข้มแข็ง มีความสุข บ้านน่าอยู่ ? |
ตอบ.. ครอบครัวเป็นสถาบันหลักที่สำคัญของสังคม และมนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่มีครอบครัวของตนเอง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เพราะครอบครัวเริ่มต้นพร้อมๆ กับการเริ่มต้นของมนุษย์ชาติ เมื่อพระเจ้าทรงสร้างโลก พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ให้ปกครองดูแลโลก และพระเจ้าทรงเห็นว่าผู้ชายคนแรกอยู่คนเดียวไม่ดี พระองค์จึงทรงประทานและสถาปนาครอบครัวให้กับเขา เพื่อเขาจะมีชีวิตอยู่อย่างมนุษย์ที่มีพระฉายของพระเจ้า มีความสุขและมีคุณค่า ครอบครัวคือที่ๆ ให้กำเนิดของมนุษย์ให้การเติบโต และเรียนรู้ชีวิต ถ้าพระเจ้าไม่สถาปนาชีวิตครอบครัวในโลกนี้ ก็จะมีเพียงมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้างคืออาดัมและคงจะไม่มีการเกิด แต่เมื่อพระเจ้าทรงสถาปนาให้มีครอบครัวเป็นที่ๆ ให้การเลี้ยงดู ให้ความเจริญเติบโต ให้ความรัก ให้การเรียนรู้ชีวิตและการศึกษา ดังนั้นเราจึงกล้าพูดว่า "ครอบครัวเป็นสถาบันการศึกษาแห่งแรกของชีวิต" ครอบครัวเป็นศูนย์กลางการพัฒนาจิตใจ สติปัญญา ความสามารถและวุฒิภาวะ การสร้างสรรค์ของชีวิต เป็นที่เราเรียนรู้สิ่งแวดล้อม เรียนรู้ตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม และสิ่งที่เราสัมพันธ์ด้วยไม่ว่าจะเป็น มนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งของ เรียนรู้การแก้ปัญหา เรียนรู้วินัย คุณธรรมความรับผิดชอบ ศีลธรรมจากครอบครัว เป็นที่ที่เราจะแสดงตัวว่า เราเป็นใครมีพรสวรรค์อย่างไร และมีพลังชีวิตแค่ไหน เพราะครอบครัวเป็นที่ส่งเสริมเราไปสู่ความมีวุฒิภาวะในทุกๆ ด้าน ครอบครัวเป็นสถาบันที่ให้ความปลอดภัยและมั่นคง เราพูดได้ว่าครอบครัวเป็นที่หลบภัย ปกป้องเราให้พ้นจากอันตราย และชีวิตย่อมมีปัญหา ปัญหาเหมือนกับพายุฝนในชีวิตของเรา บางครั้งปัญหาเดือดร้อนเหมือนพายุใต้ฝุ่นทั้งร้อน ทั้งเปียก ทั้งหนาวทั้งแรงกล้าสู้ไม่ได้ก็ต้องหลบเข้ามาในครอบครัว เราจึงปลอดภัย ทารกต้องการมือและอ้อมอกอบอุ่น มีความรัก ต้องการให้อภัย และต้องการความเอ็นดู ความเป็นเพื่อน และกำลังใจ ในโลกจึงไม่มีพลังอะไรใหญ่ยิ่งกว่าพลังแห่งความรัก ความห่วงใย และความอบอุ่นของครอบครัว ครอบครัวเป็นแหล่งปลูกฝังทัศนคติ และค่านิยมของชีวิต ทุกคนรับอิทธิพลของครอบครัว ฉะนั้นพ่อแม่จึงมีความรับผิดชอบสูงที่ปลูกฝังค่านิยมทัศนะคติต่างๆ เพราะพ่อแม่เป็นผู้อบรมสั่งสอนลูก ค่านิยมที่ว่า “ลูกเอ๋ย ต้องขยันเรียนนะ จะได้เป็นเจ้าคนนายคน” ทำให้เด็กคิดที่จะเป็นเจ้าคนนายคน และค่านิยมที่ว่า “ลูกเอ๋ย ขยันนะ จะได้ร่ำรวย” ทำให้ลูกคิดอยากจะเป็นคนรวย “ลูกเอ๋ย อย่าแพ้เขานะ ถ้าแพ้อย่ากลับมาให้แม่เห็นหน้านะ” จะทำให้เด็กเป็นคนที่ท้าตีท้าต่อย ชิงดีชิงเด่นตลอดชีวิตของเขา และถ้าไม่ได้อย่างที่เขาคาดหวัง ก็จะเกิดผิดหวัง ท้อถอย และคิดทำลายตนเอง ฉะนั้นครอบครัวจะต้องมีปรัชญาชีวิตที่ดี สมจริง เกิดผล และสร้างสรรค์เพื่อให้เยาวชนของเราได้เติบโตอย่างสมจริง และสร้างสรรค์ต่อไป ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่งนอกจากครอบครัวจะเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า แล้วยังเป็นสถาบันหลักของสังคม ประเทศชาติ สังคมหนึ่งจะดีหรือไม่ดี มีสวัสดิภาพมั่นคงหรือไม่ ย่อมขึ้นอยู่กับสังคมนั้นๆ มีสภาพครอบครัวเป็นอย่างไร ครอบครัวเป็นโรงเรียนแห่งแรกของเรา เป็นที่ที่ให้กำเนิด การปกป้อง คุ้มครองให้ความอบอุ่น ความรัก และกำลังใจแก่เรา เป็นที่ๆให้พลัง ให้ปรัชญาชีวิตให้การพัฒนาและความเจริญเติบโตแก่เรา พ่อแม่เป็นผู้ให้กำเนิด ให้การเลี้ยงดู ให้การเจริญเติบโตแก่เรา ปู่ย่า ตายาย ลุงป้าน้าอา พี่น้องเป็นผู้มีพระคุณและเป็นเพื่อนร่วมสังคม ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเรา ครอบครัวมีความผูกพันอย่างแยกไม่ออก ครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ดังนั้นการศึกษาจึงเป็นการท้าทายให้เราเห็นความสำคัญ ให้ความสนใจ มีความจริงใจ ที่จะเรียนรู้ความจริงของชีวิตเพื่อเสริมสร้างให้เป็นครอบครัวที่มีความสุข หรือครอบครัวที่มีสุขภาพจิตที่ดี สุขภาพร่างกายดี และจิตวิญญาณดี หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า ให้ครอบครัวที่สมบูรณ์
-จบ-
|
|
|
| ||
โดย คม ชัด ลึก วัน อังคาร ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 02:01 น. |
คำนิยามของเด็กวัยรุ่น คือเด็กที่มีอายุระหว่าง 13-19 ปี ซึ่งเป็นช่วงวัยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ มีความนึกคิดเป็นของตนเอง มีเพื่อนผองน้องพี่และสังคมในโรงเรียนเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของเด็กในกลุ่มนี้ ในการเลือกทางเดินของชีวิต และตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง (ซึ่งอาจแตกต่างไปตามแต่ละมุมมอง) สิ่งที่เปล่งประกายออกมาจากเด็กในวัยนี้ ที่เห็นได้อย่างเด่นชัด คือความใสบริสุทธิ์ ความฝัน ความรักที่มีให้อย่างจริงใจต่อเพื่อน โลกส่วนตัว ที่บางครั้งเขาเหล่านั้นจำลองขึ้นแล้วใส่ชีวิตของพวกเขาลงไป ถ้าหากถามเด็กเหล่านั้นในช่วงเวลานี้ว่า เขาอยากเป็นอะไร เด็กโดยส่วนใหญ่อาจตอบโดยไม่ลังเลถึงความต้องการที่แท้จริงของตนเอง โดยไม่คำนึงถึงชีวิตโลกแห่งความจริงนั้น ความฝันของตัวเองจะเป็นจริงได้มากน้อยเพียงใด ครอบครัว ซึ่งหมายถึง พ่อแม่ พี่ ลุง ป้า น้า อา ต่างก็มีความสำคัญต่อการตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินชีวิตของพวกเขา และเป็นกำลังหนุนให้ชีวิตของเด็กเหล่านี้ ซึ่งเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาเผชิญหน้ากับความเจ็บปวด ความพ่ายแพ้ และความสิ้นหวัง ที่สังคมภายนอกหยิบยื่นให้พวกเขาแล้ว เขายังคงมีอีกที่หนึ่ง สำหรับพักพิงร่างกายและจิตใจ และรักษาตนเองให้หายดี พร้อมที่จะต่อสู้ต่อไปในโลกอันโหดร้ายภายนอก และพ่อแม่หลายคนอาจกลุ้มอกกลุ้มใจ ที่ทำไมลูกไม่เชื่อฟัง ซึ่งในกรณีนี้ คำแนะนำของพ่อแม่อีกหลายคนอาจเป็นประโยชน์คือการดูแลลูกอยู่ห่างๆ และสนับสนุนกิจกรรมที่ลูกทำ และความคิดของลูก ตลอดจนการชี้แนะเส้นทางเดินชีวิตให้ลูก เพื่อให้ลูกสามารถก้าวเดินไปในทางที่ถูกต้องได้ เรื่องราวเหล่านี้จึงเดินเรื่องผ่านภาพยนตร์เรื่อง ไฟนอล สกอร์ 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอนท์ จึงสะท้อนเรื่องของวัยรุ่น และบุคลิกของพ่อแม่ ตลอดจนสังคมและความเป็นจริงต่างๆ ในยุคปัจจุบันไว้อย่างชัดเจน ชีวิตของเด็กวัยรุ่นปีสุดท้าย ของโรงเรียนมัธยมและกำลังก้าวเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัย การเรียน กิจกรรม เพื่อนและความรัก ถูกผสมผสานและนำเสนอผ่านชีวิตจริง ที่สะท้อนถึงครอบครัวโดยส่วนใหญ่ของสังคม เปอร์ เด็กที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ชอบเถียงแม่ และอยากเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์เหมือนกับพ่อ ซึ่งมีวิธีคิดที่เป็นระบบ และเปอร์เชื่อว่าจะสามารถนำหลักการเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้ได้กับงานทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรก็ตาม โบ๊ท เด็กที่ค้นพบความฝันและความต้องการของตนเองอย่างชัดเจน โบ๊ทอยากเป็นนักเพาะพันธุ์ปลา แต่พ่อของโบ๊ทอยากให้เรียนด้านบัญชี หรือบริหารธุรกิจ ซึ่งหางานทำในตลาดได้ง่ายกว่า โบ๊ท สับสนกับทางเลือกของชีวิตตนเอง และท้ายที่สุดก็เลือกอย่างที่พ่อต้องการ ครอบครัวของโบ๊ทอบอุ่นมาก พ่อแม่พร้อมที่จะสนับสนุนลูกด้วยความรักและความห่วงใยตลอดเวลา ในขณะที่ บิ๊กโชว์ ลูกคนเล็ก ซึ่งถูกกดดันจากครอบครัวว่าจะต้องเอนทรานซ์ ให้เข้ามหาวิทยาลัยรัฐบาลชั้นนำของประเทศ ทำให้บิ๊กโชว์ต้องโหมอ่านหนังสืออย่างหนัก เพื่อเตรียมตัวสำหรับการสอบ ตารางชีวิตของบิ๊กโชว์วนเวียนอยู่ที่ โรงเรียน สถาบันกวดวิชา และบ้าน เมื่อผลสอบครั้งที่ 1 ถูกประกาศ บิ๊กโชว์ได้ปรึกษากับสถาบันกวดวิชา ซึ่งแนะนำวิธีการจัดตารางชีวิตการอ่านหนังสือใหม่ เพื่อให้ได้คะแนนอย่างที่ตนเองมุ่งหวัง ท้ายที่สุดคือ ลุง ซึ่งเป็นคนใช้ชีวิตโดยไม่คิดอะไรมากนัก ถึงแม้ว่าจะสอบตกหลายวิชา และกลัวจะเรียนไม่จบตามเพื่อนๆ แต่ ลุง ก็ยังมีความมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสอบเข้าคณะนิเทศศาสตร์ สาขาภาพยนตร์ จุดหักเหที่บีบคั้นหัวใจที่สุด และเป็นบทพิสูจน์ความรัก ความผูกพันของครอบครัว คือวันประกาศผลเอนทรานซ์ ซึ่งระบบ ล่ม จากวันเวลาที่ทุ่มเทกับการอ่านหนังสือ การกวดวิชา และทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นเหมือนช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญที่สุด ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิตเด็กคนหนึ่ง ภาพความเจ็บปวดได้ระบายไปบนสีหน้าของเด็กทุกคน ที่ได้สัมผัสกับความผิดหวัง และความล้มเหลว มีเพียงแต่ครอบครัวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างและคอยให้กำลังใจ หัวใจและความรู้สึกของพ่อแม่คือ ลูก เมื่อลูกเจ็บปวด พ่อแม่ก็ร่วมเจ็บปวดไปด้วย และพ่อแม่พยายามหาวิธีการทุกอย่าง เพื่อเยียวยาความเจ็บปวดของลูก ในช่วงชีวิตของวัยรุ่น โลกใบใหญ่ทั้งใบกลายเป็นเพียงโลกเล็กๆ ใบหนึ่ง เรื่องราวของทุกอย่างเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ ด้วยการใช้ชีวิตอย่างอหังการ และความประมาท โดยลืมไปว่าคนข้างหลังที่คอยเป็นห่วงเป็นใยอยู่ ซึ่งเมื่อผ่านพ้นช่วงวัยรุ่นไปแล้ว เมื่อหันกลับมามองภาพย้อนหลัง และคุณจะเห็นว่าในช่วงชีวิตที่เป็นวัยรุ่น คำว่า ครอบครัว มีความสำคัญเพียงใด ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงเป็นอีกทางเลือกของภาพยนตร์ครอบครัว | ||
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น